รีวิวฉบับที่ 2864 … เปิดตัวโครงการ Motif Sukhumvit-Bangna (โมทีฟ สุขุมวิท-บางนา) บ้านเดี่ยวหรู 3 ชั้น มาพร้อมลิฟต์และสระว่ายน้ำส่วนตัว ย่านแบริ่งไม่ไกลจากตัวเมืองและยังใกล้ทั้งรถไฟฟ้า 2 สาย นอกจากนี้จากโครงการยังไปโรงเรียนนานาชาติชื่อดังหลายแห่งได้ง่ายๆ ผู้ปกครองสามารถไปรับ-ส่งได้สบายๆ สำหรับ Highlights ที่น่าสนใจจะมีอะไรบ้าง ไปชมกันเลย
- ใกล้โรงเรียนนานาชาติหลายแห่ง : ในระยะ 1-2 กิโลเมตร สามารถเข้าถึงโรงเรียนนานาชาติชื่อดังได้หลายแห่ง เช่น Bangkok Patana School , St. Andrews International School
- ใกล้รถไฟฟ้า 2 สาย : โครงการห่างจากรถไฟฟ้า BTS แบริ่ง เพียง 1.7 กิโลเมตร ลูกบ้านเดินทางไปใช้งานรถไฟฟ้าได้ไม่ยากเลยค่ะ และยังไม่ไกลจาก MRT สายสีเหลือง สถานีศรีแบริ่งมากนัก ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการเดินทาง
- ยูนิตน้อยเป็นส่วนตัว : มีเพื่อนบ้านเพียง 14 ยูนิตเท่านั้น ลูกบ้านจึงได้อยู่ในสังคมระดับเดียวกัน และเป็นส่วนตัว
- ผนังรอบบ้าน 2 ชั้น : ช่วยลดความร้อนและกันเสียงรบกวนจากหน้าบ้านได้ค่ะ
- พื้นที่ใช้สอยเยอะสุดในย่าน : เมื่อเทียบกับโครงการเพื่อนบ้าน ที่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะสุดประมาณ 400 กว่าๆตารางเมตร แต่โครงการนี้พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 508 ตารางเมตร ทำให้ได้ Common Area กว้างใหญ่พร้อม Courtyard
- ได้ที่จอดรถ 4 คันตั้งแต่บ้าน Type เเรก : ในขณะที่โครงการที่มีระดับราคาใกล้เคียงจะมีที่จอดรถเพียง 3 คันเท่านั้น
- บ้านออกแบบโดย Warchitect : สถาปนิกที่เชี่ยวชาญในการออกแบบ Residencial โดยครั้งนี้ออกแบบมาในสไตล์ Modern Luxury พื้นที่ภายในบ้านน่าสนใจ มาพร้อมลิฟต์และสระว่ายน้ำส่วนตัว
ข้อมูลโครงการ
Motif Sukhumvit-Bangna (โมทีฟ สุขุมวิท-บางนา) ณ วันที่ 12 มิถุนายน 2568
ชื่อโครงการ | Motif Sukhumvit-Bangna (โมทีฟ สุขุมวิท-บางนา) |
ชื่อผู้ประกอบการ | บริษัท โมทีฟ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด |
SEGMENT CLASS | LUXURY-SUPER LUXURY CLASS (รายละเอียดของ Segment บ้านปี 2023 ) |
โครงการตั้งอยู่ | ซอย แบริ่ง 13 (ลาซาล 24) เขต บางนา |
ที่ดิน | 3-03-99 ไร่ |
จำนวนยูนิต | 14 ยูนิต |
ประเภทบ้าน |
|
เริ่มก่อสร้าง | ปี 2568 |
เว็บไซต์โครงการ | คลิกที่นี่ |
โทร | 084-472-5555 |
ทำเลที่ตั้ง
Highlight
- บ้านเดี่ยวบนทำเลคอนโด : ใกล้รถไฟฟ้า 2 สายโครงการห่างจากรถไฟฟ้า BTS แบริ่ง เพียง 1.7 กิโลเมตร ลูกบ้านเดินทางไปใช้งานรถไฟฟ้าได้ไม่ยากเลยค่ะ และยังไม่ไกลจาก MRT สายสีเหลือง สถานีศรีแบริ่งมากนัก ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกในการเดินทาง
- ใกล้โรงเรียนนานาชาติหลายแห่ง : ในระยะ 1-2 กิโลเมตร สามารถเข้าถึงโรงเรียนนานาชาติชื่อดังได้หลายแห่ง เช่น Bangkok Patana School , St. Andrews International School
- เข้าถึงแหล่งความอุดมสมบูรณ์ได้ง่าย : ทั้ง Community Mall และห้างสรรพสินค้าใหญ่ อย่าง DADFA Community mall , Lasalle’s Avenue และ Bangkok Mall ภายในระยะ 2-4 กิโลเมตร
- สามารถเข้า-ออกโครงการได้ 4 ทาง : จากโครงการสามารถเชื่อมต่อไปยังถนน 4 สายทั้งถนนหลักและถนนรอง
พิกัด Google Maps : 13.65576400334417, 100.61212040895217
หรือสามารถ : คลิกที่นี่
แผนที่จากทางโครงการ Motif Sukhumvit-Bangna (โมทีฟ สุขุมวิท-บางนา) ค่ะ
แม้ว่าโครงการ Motif Sukhumvit-Bangna (โมทีฟ สุขุมวิท-บางนา) จะอยู่โซนแบริ่งแต่ยังถือเป็นเขตกรุงเทพฯอยู่นะ ซึ่งคือว่าเป็นบ้านเดี่ยวที่อยู่บนทำเลคอนโดเลย โครงการตั้งอยู่ในซอยแบริ่ง 13 ซึ่งอยู่ระหว่างถนนหลัก 2 สาย เราสามารถเข้าถึงถนนสุขุมวิทได้ด้วยระยะทาง 1.4 กิโลเมตร ส่วนถนนศรีนครินทร์ก็เข้าถึงได้ใน 3 กิโลเมตร ภายในซอยนี้จะมีทั้งโครงการจัดสรร , อาคารสำนักงานและบ้านพักอาศัย ทำให้มีร้านค้าร้านอาหาร , ร้านสะดวกซื้ออยู่บ้างประปราย ลูกบ้านจึงสามารถหาของกินเวลาดึกดื่นได้ไม่ยาก นอกจากนี้ยังใกล้รถไฟฟ้าอีก 2 สายด้วยนะ เรียกได้ว่าเป็นบ้านเดี่ยวบนทำเลคอนโดเลย
จากโครงการสามารถเข้าถึงแหล่งความอุดมสมบูรณ์ได้สะดวกมากๆ เพราะในระยะ 1-2 กิโลเมตร จะมี Community Mall อย่าง DADFA Community mall , Lasalle’s Avenue ที่มีร้านอาหารดังๆ เช่น โอ้กะจู๋ ,โอชามข้าวต้มแห้ง รวมถึงซูเปอร์มาเก็ต อย่าง Villa Maket ซึ่งมีสินค้าจากต่างประเทศหรือคุณภาพดีๆให้เลือกเยอะ หรือใครอยากจะช้อปปิ้งบนห้างใหญ่ก็มี Central บางนา อยู่ใกล้ที่สุดแต่ในอนาคต จะมี Mega Project อย่าง Bangkok Mall เปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้เรามีที่เดินเล่นซื้อข้าวของหรือ Hang Out ได้สะดวกมากขึ้น เพราะอยู่ใกล้โครงการแค่ 3 กิโลเมตรกว่าๆเองค่ะ
อีกหนึ่งความน่าสนใจของทำเลนี้คือใกล้กับโรงเรียนนานาชาติชื่อดังหลายแห่ง จากโครงการประมาณ 1-2 กิโลเมตร มีทั้ง Bangkok Patana School และ St. Andrews International School ทำให้ผู้ปกครองที่มีลูกเรียนในโซนนี้สามารถไปรับ-ส่งลูกได้ไม่ยาก แทบจะไม่เสียเวลาเดินทางเลยนะ
ทำเลของโครงการ Motif Sukhumvit-Bangna (โมทีฟ สุขุมวิท-บางนา) น่าสนใจทีเดียวค่ะ เพราะซอยแบริ่ง 13 สามารถเข้า-ออกได้จากถนน 4 เส้น คือถนนแบริ่ง 107 , ถนนศรีนครินทร์ , ถนนบางนา-ตราดและถนนสุขุมวิท เ
- ทางแรกคือถนนแบริ่ง 107 (สุขุมวิท 107) ซึ่งเป็นทางเข้าหลักที่คนนิยมใช้มากที่สุด เพราะใกล้กับถนนหลักเพียง 140 เมตร ใครที่ต้องการเดินทางไปใช้รถไฟฟ้า BTS ใช้ทางออกนี้ ไปเชื่อมกับถนนสุขุมวิทจะสะดวกที่สุด
- ทางที่สองคือซอยลาซาล เชื่อมต่อกับถนนเส้นหลักอย่างถนนศรีนครินทร์ เหมาะกับคนที่ต้องการเดินทางไปยังโซนซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์ , บางกะปิ
- ทางที่สามคือจากถนนบางนา-ตราด ทางนี้จะเหมาะกับคนที่ต้องการเดินทางไปใช้ทางด่วนบูรพาวิถี เดินทางไปโซนบางนา , ชลบุรี หรือจะไปใช้ทางด่วนเฉลิมมหานครก็ได้เช่นกัน
- ทางที่สี่คือเข้าจากถนนสุขุมวิทโดยตรงค่ะ ใช้เดินทางเข้าเมืองไปโซนสุขุมวิทตอนปลาย , สำโรง หรือเข้าเมืองไปโซนเอกมัย , อโศก การที่มีการเข้า-ออกหลายทาง ช่วยให้ลูกบ้านมีทางเลือกในการเดินทางมากขึ้น ถ้าถนนเส้นใดเส้นหนึ่งรถติดหรือมีการซ่อมถนน ก็สามารถเลี่ยงไปใช้ถนนเส้นอื่นได้ค่ะ
สำหรับคนที่ต้องการไปโซนสุขุมวิท , พระราม 4 , พระราม 9 สามารถใช้ทางด่วนเฉลิมมหานครฝั่งเข้าเมือง ซึ่งอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 3.6 km.
โครงการ Motif Sukhumvit-Bangna (โมทีฟ สุขุมวิท-บางนา) ไม่ไกลจากทางด่วนมากนัก ลูกบ้านสามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ไม่ยากเลยค่ะ ไม่ว่าจะต้องการเดินทางเข้าเมืองไปโซนพระราม 4 , พระราม 9 ก็สามารถใช้ทางด่วนเฉลิมมหานครได้ในระยะ 3.6 กิโลเมตร ส่วนคนที่ต้องการเดินทางไปชลบุรี , ฉะเชิงเทรา ก็สามารถใช้ทางด่านบูรพาวิถีฝั่งออกนอกเมืองไปชลบุรี ที่ห่างจากโครงการประมาณ 6 กิโลเมตรได้ค่ะ
จากโครงการสามารถไปใช้รถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีแบริ่งได้ เพียง 1.7 km.
อีกหนึ่งประเด็นที่โดดเด่นของโครงการ Motif Sukhumvit-Bangna (โมทีฟ สุขุมวิท-บางนา) ใกล้ รถไฟฟ้า 2 สาย ซึ่งหาได้ยากในโซนนี้นะ รถไฟฟ้าที่ใกล้กับโครงการมากที่สุดคือ รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวสถานีแบริ่ง ซึ่งห่างออกไปเพียง 1.7 กิโลเมตร ใช้เดินทางไปโซนอ่อนนุช , เอกมัย , อโศกและสำโรงได้ แม้ว่าจะไม่ใกล้มากนัก แต่เราสามารถนัดแนะกับสมาชิกในบ้านให้ไปรับ-ส่งหรือเรียก Grab ได้นะ
ส่วน MRT สายสีเหลือง สถานีศรีแบริ่งห่างจากโครงการประมาณ 3.5 เมตร ลูกบ้านสามารถใช้เดินทางไปศรีนครินทร์ , บางกะปิและลาดพร้าวได้ แบบไม่ต้องเสียเวลารถติด หรือหากเปลี่ยนใจอยากไปใช้รถไฟฟ้า BTS ก็สามารถไปเปลี่ยนสายได้ที่สถานีสำโรงนะคะ
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ Motif Sukhumvit-Bangna (โมทีฟ สุขุมวิท-บางนา) ส่วนใหญ่เป็นอาคารพักอาศัย 6 ชั้น , บ้านพักอาศัย 3 ชั้น , สำนักงานกับโกดัง และที่ดินว่างเปล่าที่เรามองว่ามีโอกาสพัฒนาไปเป็นโครงการจัดสรรได้อีก เพราะถือว่าเป็นทำเลที่เดินทางไปไหนมาไหนสะดวกค่ะ จึงอาจมี Developer หลายเจ้าเล็งๆพื้นที่โซนนี้อยู่ไม่น้อยค่ะ
- ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ติดกับ อาคารสำนักงาน 3-4 ชั้น และโกดัง 2 ชั้น
- ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ติดกับ บ้านพักอาศัย 3 ชั้น , อาคารพักอาศัย 6 ชั้นและโกดัง 2 ชั้น
- ทิศตะวันตกเฉียงใต้ ติดกับ ที่ว่างรอการพัฒนา
- ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ติดกับ ที่ว่างรอการพัฒนา
บรรยากาศหน้าโครงการ
ด้านหน้าโครงการเป็นอาคารพักอาศัย 6 ชั้น และในซอยโครงการมีทั้งบ้านพักอาศัย 3 ชั้น , อาคารสำนักงาน , โกดังและโครงการจัดสรร 2 ชั้น
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
ห้างสรรพสินค้า / ตลาด
- DADFA COMMUNITY MALL ~ 1.2 km.
- SUMMER LASALLE ~ 1.2 km.
- LASALLE’S AVENUE ~ 2.1 km.
- BITEC BANGNA ~ 2.7 km.
- BANGKOK MALL~ 3.8 km.
- CENTRAL BANGNA ~ 5.7 km.
- MEGA BANGNA ~ 12.4 km.
โรงพยาบาล
- SIKARIN HOSPITAL~ 5.2 km.
- THAINAKARIN HOSPITAL ~ 6.2 km.
- PRINC HOSPITAL SUVARNABHUMI ~ 13.3 km.
- SAMITIVEJ SRINAKARIN HOSPITAL~ 15.6 km.
โรงเรียน
- ST. ANDREWS INTERNATIONAL SCHOOL ~ 1.4 km.
- BANGKOK PATANA SCHOOL ~ 1.5 km.
- SAINT JOSEPH BANGNA SCHOOL ~ 2.0 km.
- CHAROENPONG KINDERGARTEN~ 2.1 km.
- BERKELEY INTERNATIONAL SCHOOL ~ 3.7 km.
- SAINT JOSEPH BANGNA SCHOOL ~ 3.9 km.
- MONTESSORI ACADEMY BANGKOK INTERNATIONAL SCHOOL ~ 5.9 km.
- THAI SINGAPORE INTERNATIONAL SCHOOL~ 5.4 km.
- WELL INTERNATIONAL SCHOOL ~ 7.2 km.
- INTERNATIONAL COMMUNITY SCHOOL ~ 7.5 km.
การเดินทาง
- BTS สายสีเขียวแบริ่ง ~ 1.7 km.
- MRT สายสีเหลือง สถานีศรีแบริ่ง ~ 3.5 km.
- ทางด่วนเฉลิมมหานคร ~ 3.6 km.
- ทางด่วนบูรพาวิถี ~ 6.0 km.
รายละเอียดโครงการ
Highlight
- ยูนิตน้อยเป็นส่วนตัว : มีเพื่อนบ้านเพียง 14 ยูนิตเท่านั้น ลูกบ้านจึงได้อยู่ในสังคมระดับเดียวกัน และเป็นส่วนตัว
- โครงการเอาสายไฟลงดินทั้งหมด : ให้บรรยากาศโครงการที่ดูสะอาดตา เรียบร้อยดีค่ะ
Motif Sukhumvit-Bangna (โมทีฟ สุขุมวิท-บางนา) เป็นโครงการบ้านเดี่ยวหรู 3 ชั้น บนที่ดินประมาณ 3-03-99 ไร่ มีเพื่อนบ้านเพียง 14 ยูนิต ลูกบ้านจึงได้ความเป็นส่วนตัวมากๆเลยนะ จากการวางผังของโครงการ เรามองว่าน่าสนใจทีเดียว แบ่งออกเป็นประเด็นได้ดังนี้
- ส่วนกลางอยู่โซนด้านหน้าโครงการ ช่วยเป็น Buffer กันเสียงรถยนต์จากซอยหน้าโครงการ ไม่ให้มารบกวนลูกบ้านมากนัก
- บ้านในโซนกรอบสีแดงอยู่ใกล้สวนและ Clubhouse ทำให้มาใช้งานพื้นที่ส่วนกลางได้สะดวกที่สุด
- บ้านในกรอบสีเหลืองไม่มีบ้านฝั่งตรงข้าม ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวค่ะ
ซุ้มประตูโครงการมีพื้นที่ช่วงที่ติดถนนเยอะ จึงมีพื้นที่ออกแบบซุ้มประตูโครงการสวยๆ ช่วงดึงดูดสายตา ทำให้เราเห็นซุ้มประตูทางเข้าโครงการที่มี Clubhouse อยู่ในตัวได้อย่างชัดเจนดูสวยงามดี เป็นเหมือนมุมต้อนรับด้านหน้าสร้างความประทับใจให้คนที่มาเยี่ยมชมโครงการ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สำหรับรอคิวหน้าโครงการได้ ช่วยให้การจราจรหน้าโครงการไม่ติดขัดด้วยค่ะ
บรรยากาศซุ้มประตูโครงการ
ซุ้มประตูโครงการมีชายคาคลุมตลอดแนว ช่วยบังแดดฝนให้ผู้ที่มาติดต่อ ประตูทางเข้าโครงการแยกฝั่งเข้า-ออกได้อย่างชัดเจน สำหรับลูกบ้านใช้ระบบสแกนป้ายทะเบียนรถยนต์ ส่วน Vistor จะต้องแลกบัตรก่อนเข้าโครงการลงนะ ตัวซุ้มประตูโครงการติดตั้งประตูเหล็กเลื่อน พร้อม CCTV และระบบ Sensors Analytics ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการแจ้งเตือนความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
บริเวณซุ้มประตูโครงการทั้งฝั่งเข้าและออกจากโครงการ จะมีทางเดินเข้า-ออกแยกไว้ สำหรับลูกบ้านที่ไม่ใช้รถยนต์ สามารถเดินเข้า-ออกได้อย่างปลอดภัย
เมื่อเขามาในซุ้มประตูโครงการ
เมื่อผ่านซุ้มประตูโครงการมา จะเจอกับทางแยก แบ่งออกไปเป็นซอย 1 กับซอย 2
เรามาเริ่มกันที่ Facility ส่วนกลางกันเลยดีกว่าค่ะ ฟังก์ชันแรกที่เราจะเข้าถึงได้ง่ายที่สุดคือ สวนส่วนกลางค่ะ ทางเข้าบริเวณสวนมีการยกระดับขึ้นมาจากถนนหลัก 2 Step เพื่อกันฝุ่นจากถนน แล้วยังช่วยแบ่งสัดส่วนได้อย่างชัดเจน
บรรยากาศพื้นที่นั่งเล่นภายในสวน
สวนส่วนกลางมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็รองรับลูกบ้าน 14 ยูนิตได้ เราชอบที่โครงการจัดโซนนั่งพักไว้อย่างชัดเจน ให้ลูกบ้านได้มาพบปะ พูดคุยกันเป็นเหมือน Community เล็กๆได้เลยนะ
ข้างๆสวนเป็นอาคาร Clubhouse ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของซุ้มประตูโครงการ เป็นเหมือนมุมต้อนรับ สร้างบรรยากาศที่ดีให้แก่โครงการ
หน้า Clubhouse มีที่จอดรถ 2 คัน สำหรับลูกบ้านที่อยู่โซนด้านในก็ขับรถมาจอดตรงนี้ได้ เราชอบที่โครงการออกแบบให้ที่จอดรถตรงนี้มีชายคาคลุมให้เรียบร้อย ลูกบ้านไม่ต้องตากแดดฝน เพื่อไปใช้งานพื้นที่ส่วนกลางเลยค่ะ
ทางเข้าอาคาร Clubhouse เป็นบันได 3-4 ขั้น เพื่อยกระดับพื้นให้สูงขึ้นจากถนน กันฝุ่นและควันรถยนต์จากถนนหลักได้ค่ะ
บรรยากาศภายในส่วนของ Lounge
ฟังก์ชันแรกที่เราจะเจอคือ Lounge ของโครงการ ลูกบ้านสามารถนัดแขกมาพบปะพูดคุยกันได้ กรณีไม่สะดวกให้แขกเข้าบ้าน หรือมานั่งทำงานอ่านหนังสือเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศก็ได้ค่ะ
ส่วนฟังก์ชันอื่นๆ ทั้ง Fitness , Chef’s Table Dining Room และ Private Spa & Massage Room จะอยู่บนชั้น 2 ซึ่งต้องขึ้นบันไดไปนะคะ
บริเวณโถงชั้น 2 มี Fitness พร้อมกับห้องน้ำส่วนกลาง ใช้งานได้สะดวก เวลาลูกบ้านมาออกกำลังกายแล้ว เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ไปใช้ Fitness ต่อได้เลย
ห้องน้ำส่วนกลาง แบ่งแยกเป็นของชาย-หญิงอย่างชัดเจน
ห้องน้ำส่วนกลางของโครงการ
ห้องน้ำส่วนกลางของโครงการนี้ แตกต่างจากโครงการอื่นๆที่เราเคยพบเจอมา เพราะโครงการออกแบบให้มีห้องน้ำชายหญิงอย่างละห้อง จึงมีพื้นที่รวมสุขากับส่วนอาบน้ำไว้ด้วยกัน เหมือนกับห้องน้ำในตัวบ้านเลยค่ะ มีการแยกส่วนเปียก-แห้งชัดเจน ใช้งานได้สะดวก ด้านข้างส่วนอาบน้ำมีช่องแสงขนาดใหญ่ ทำให้ภายในห้องน้ำดูสว่าง ด้านนอกมีกำแพงก่อสูงอีกชั้นหนึ่ง เพื่อให้ลูกบ้านที่มาใช้งานยังได้ความเป็นส่วนตัวค่ะ
บรรยากาศภายใน Fitness
Fitness มีขนาดใหญ่พอจะรองรับลูกบ้าน 14 ยูนิตได้สบายๆ โครงการจัดวางเครื่องออกกำลังกายส่วนใหญ่ไว้ริมหน้าต่าง เพื่อให้มองเห็นบรรยากาศภายในโครงการและสวนส่วนกลาง ภายใน Fitness มีอุปกรณ์ครบครัน รองรับทั้งการออกกำลังกายแบบ Cardio และ Weight Training โดยเครื่องออกกำลังกายเป็นของ Technogym แบรนด์จากอิตาลี ขึ้นชื่อในเรื่องของเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เช่น การจัดโปรแกรมออกกำลังกาย
บรรยากาศภายใน Chef’s Table Dining Room
Chef’s Table Dining Room จะอยู่อีกฝั่งหนึ่งของอาคาร Clubhouse เราสามารถจองห้องนี้เพื่อจัด Private Dinner ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเลยค่ะ นอกจากนี้ยังมีส่วน Pantry ที่เราสามารถจ้างเชฟส่วนตัวมาทำอาหารให้กินได้ด้วย เวลามีปาร์ตี้เล็กๆกับเพื่อน เราสามารถทานอาหารพร้อมชมวิวโครงการพร้อมๆกันได้เลย
วิวของโครงการที่เราจะเห็นเวลาใช้งาน Facility ส่วนกลางทั้งหมดค่ะ
Yoga Room
ถัดมาเป็นห้องสำหรับเล่นโยคะ ภายในห้องมีกระจกบานใหญ่ให้เราค่อยมองเช็คความถูกต้องของท่าทาง ขนาดห้องใหญ่พอจะเล่นโยคะพร้อมกัน 3-4 คนได้สบายๆค่ะ
Private Spa and Massage Room
ฟังก์ชันสุดท้ายคือ Private Spa & Massage Room สำหรับคนที่ชอบนวดผ่อนคลาย ลูกบ้านสามารถจ้างพนักงานนวดมาบริการได้เป็นคู่ เพราะโครงการมีเตียงสำหรับนวดไว้ให้ 2 เตียงเลยค่ะ เรารู้สึกว่า Facility มีให้เหมือนคอนโดเลยนะ ฟังก์ชันการใช้งานหลากหลาย ตอบโจทย์ลูกบ้านทุกวัย แต่จะไม่มีส่วนของสระว่ายน้ำ เพราะภายในบ้านทุกหลังมีสระว่ายน้ำส่วนตัวอยู่แล้วค่ะ
อีกหนึ่งสิ่งที่เราอดจะพูดถึงไม่ได้คือ วัสดุตกแต่งผนังภายในโครงการ ไม่ว่าจะเป็นทางเข้าโครงการหรือภายใน Clubhouse เอง เราแทบจะไม่เห็นผนังเรียบๆ ทาสีธรรมดาทั่วไปเลยค่ะ เพราะโครงการจะเน้นใช้วัสดุ ที่มี Texture เพื่อสร้างมิติให้กับอาคาร เป็นการสร้างสีสันให้คนที่เข้ามาใช้งาน Clubhouse ด้วยค่ะ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก
- อาคาร Clubhouse บริเวณหน้าโครงการประกอบไปด้วย
- ห้องออกกำลังกาย ใส่เครื่องออกกำลังกายของ Technogym ประมาณ 6-8 เครื่อง
- Yoga & Pilates Room
- Exclusive Private Lounge
- Chef’s Table Dining Room
- Underground Utilities
- Private Spa & Massage Room
- พื้นที่สวนหย่อมในโครงการ 1 จุด รวมประมาณ 218 ตร.ม.
- CCTV ส่วนกลาง มีทั้งหมด 11 จุด แบ่งเป็น
เป็นกล้องสำหรับ CCTV ทั่วไป 4 จุด
เป็นกล้องสำหรับ CCTV ระบบ Sensors Analytics (ระบบแจ้งเตือนความปลอดภัย) 7 จุด - CCTV ในอาคารสโมสร ส่วนกลาง 8 จุด
- รั้วรอบโครงการสูง 3 เมตรและรั้วโปร่งต่อเพิ่ม 3 เมตร
- ถนนหลักกว้าง 14 เมตร และถนนภายในกว้าง 9 เมตร
- เข้า-ออกโครงการโดยระบบ LPR อ่านป้ายทะเบียน
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง ออกตรวจโครงการทุก 3 ชั่วโมง
- ประตูรั้วโครงการแบบเลื่อนไฟฟ้า
- ลงสายไฟใต้ดินทั้งโครงการ
แบบบ้าน
Highlight
- บ้านออกแบบโดย Warchitect : สถาปนิกที่เชี่ยวชาญในการออกแบบ Residencial ซึ่งเคยบอกแบบให้นักแต่งเพลงชื่อดังอย่าง คุณหนึ่ง ณรงค์วิทย์ มาแล้ว โดยครั้งนี้ออกแบบมาในสไตล์ Modern Luxury พื้นที่ภายในบ้านน่าสนใจ มาพร้อมลิฟต์และสระว่ายน้ำส่วนตัว
- ผนังบ้าน 2 ชั้น : ช่วยลดความร้อนและกันเสียงรบกวนจากหน้าบ้านได้ค่ะ
- พื้นที่ใช้สอยเยอะสุดในย่าน : เมื่อเทียบกับโครงการเพื่อนบ้าน ที่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะสุดประมาณ 400 กว่าๆตารางเมตร แต่โครงการนี้พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 508 ตารางเมตร
- ได้ที่จอดรถ 4 คันตั้งแต่บ้าน Type เเรก : ในขณะที่โครงการที่มีระดับราคาใกล้เคียงจะมีที่จอดรถเพียง 3 คันเท่านั้น
- ใช้วัสดุมี Texture ตกแต่งบ้านทั้งหลัง : ช่วยให้ตัวบ้านมีมิติมากขึ้น ซึ่งหาได้ยากในโซนนี้
บ้านในโครงการ Motif Sukhumvit-Bangna (โมทีฟ สุขุมวิท-บางนา) เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่มีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 508-724 ตารางเมตร ในราคาเริ่มต้น 44 ล้านบาท เมื่อเทียบกับโครงการรอบข้างที่มีราคาใกล้เคียงกัน มักจะได้พื้นที่ใช้สอยประมาณ 300 ปลายๆไปจนถึง 400 กว่าตารางเมตรเท่านั้น โครงการนี้จึงถือว่าได้พื้นที่ใช้สอยมากที่สุดเลย เหมาะกับครอบครัวที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านเยอะๆ รองรับสมาชิกในครอบครัว 4-6 คน กำลังดีเลยค่ะ
ตัวบ้านออกแบบเน้นโทนสีเทาเข้ม ดูเคร่งขรึมน่าเกรงขาม แต่ในขณะเดียวกันก็ดูเรียบหรูทันสมัยอีกด้วย เราชอบที่ผนังภายนอกใช้วัสดุที่มี Texture ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นแผ่นวีเนียร์หิน Stone surface , สีพ่นทราย , กระเบื้องดินเผา ช่วยให้บ้านดูมีมิติและน่าสนใจมากขึ้น โครงการมีแบบบ้านทั้งหมด 2 แบบดังนี้
- Grandeur บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 61 – 72 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 508 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 4 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน / ลิฟต์โดยสารส่วนตัว / สระว่ายน้ำส่วนตัว - Gracefulness บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 123 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 724 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 5 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน / ลิฟต์โดยสารส่วนตัว / สระว่ายน้ำส่วนตัว
สรุปวัสดุภายในบ้าน
- โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กแบบหล่อในที่ ก่อผนัง 2 ชั้น ช่วยกันเสียงและความร้อนเข้าสู่ตัวบ้าน
- โครงสร้างหลังคาหลังคา คสล.
- ผนังภายใน ติด Wallpaper ยกเว้นโถงบันได เป็นทาสี
- ผนังภายนอก ด้านหลัง ทำสี ด้านข้าง ทำสี Texture บางส่วนตกแต่งด้วยกระเบื้อง L-Thai / แผ่นวีเนียร์หิน Stone surface ส่วนด้านหน้า ตกแต่งด้วย แผ่นวีเนียร์หิน Stone surface
- ที่จอดรถแบบ ลงเสาเข็ม 23 เมตร ปูกระเบื้องแกรนิตโต้ 60 x 120 เซนติเมตร
- สระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือขนาด 2 x 7.4 เมตร ลึก 1.2 เมตร
- พื้นชั้น 1,2 : กระเบื้องแกรนิตโต้ 60 x 120 เซนติเมตร
- พื้นชั้น 3 : พื้นไม้ Hybrid Engineered wood
- พื้นห้องน้ำ : กระเบื้องแกรนิตโต้ 60 x 120 เซนติเมตร
- บันไดคอนกรีตเสริมเหล็ก ปิดผิวด้วยไม้ Hybrid Engineered wood
- สระว่ายน้ำระบบเกลือ กว้าง 2.60 x 8.80 เมตร ลึก 1.20 เมตร
- Digital Door Lock ของ Lockin รองรับ 7 ระบบ
- ระบบ Magnetic Sensor 5 จุดที่ชั้น 1
- ระบบ Shock Sensor 6 จุดที่ชั้น 1
- junction รองรับ Evcharger ทุกแบบบ้าน
- ลิฟต์ Hitachi น้ำหนักบรรทุกโดยสาร 280 กิโลกรัม
- ยี่ห้อสุขภัณฑ์, ฝักบัว, อ่างอาบน้ำ จาก แบรนด์ Kohler / ก๊อกน้ำ จากแบรนด์ Gessi / ฉากกั้นอาบน้ำกระจกเทมเปอร์หนา 8-10 มม. จาก Cristina
- เครื่องทำความร้อน ขนาด 8,000 วัตต์ จากแบรนด์ Stiebel Eltron ทุกห้องน้ำ
- บานกรอบหน้าต่างใช้อลูมิเนียม สีเทา-ดำ กระจกเขียวใส ตัดแสง 8-10 มม.
- ระบบเปิด-ปิด สวิตช์ไฟ เครื่องปรับอากาศ ผ้าม่าน จาก Simon I7 Smart Home สามารถใช้งานผ่านแอพพลิเคชั่น SAHN Smart
- ต้นไม้ชั้น 1 – ต้น Silver Oak บริเวณห้อง Mancave
ต้นไม้ชั้น 2 – ต้น Olive บริเวณสระว่ายน้ำ - ระบบไฟ 3 เฟส 30(100)
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
Grandeur
บ้านตัวอย่างหลังแรกที่เราจะพาทุกคนมาชมคือ Grandeur บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 61 – 72 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 508 ตร.ม. มาพร้อมฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 4 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน / ลิฟต์โดยสารส่วนตัว / สระว่ายน้ำส่วนตัว บ้านแบบนี้มีมากที่สุดในโครงการเลยค่ะ เหมาะกับครอบครัวที่มีสมาชิก 4-5 คน
แปลนชั้น 1
ชั้น 1 : หน้าบ้านสามารถจอดรถได้ 4 คันสบายๆ มีชายคาคลุมเต็มคัน ช่วยรักษารถได้ดีและเราไม่ต้องตากแดดลมฝนเพื่อเข้าบ้าน ส่วนทางเข้า-ออกบ้านหลักๆจะมี 2 ทาง ประตูแรกอยู่ด้านหลังที่จอดรถ ซึ่งเจ้าของบ้านจะใช้ทางเข้านี้เป็นหลักค่ะ ส่วนประตูรองอยู่ข้างบ้าน เชื่อมต่อกับลานซักล้างและส่วนของแม่บ้าน แม่บ้านจะใช้ประตูนี้เป็นหลัก เพื่อไม่ให้รบกวนเจ้าของบ้านค่ะ
ชั้นแรกของบ้านแบ่งออกเป็น 2 โซน โซนแรกคือ Man Cave อยู่ด้านหน้าบ้าน เหมาะสำหรับต้อนรับแขกจัดปาร์ตี้เล็กๆได้ค่ะ เน้นให้ช่องเปิดอยู่ด้านข้างเชื่อมต่อ Courtyard อีกด้วย ทำให้เจ้าของบ้านได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แล้วยังคงความเป็นส่วนตัวไว้อีกด้วย บ้านหลังนี้ออกแบบให้หน้าต่างบานเลื่อนสูงตั้งแต่พื้นไปถึงฝ้า ใหญ่เท่ากับประตูเลย ทำให้เราสามารถเดินผ่านเข้า-ออกได้ บ้านหลังนี้ติดตั้งลิฟต์มาให้เรียบร้อย ใช้ขึ้น-ลงได้สะดวก ส่วนโซนหลังบ้านเป็นพื้นที่ Service ประกอบไปด้วยห้องแม่บ้าน , ห้องเก็บของ และห้องงานระบบ
ชั้น 2 : Highlight สำคัญของบ้านหลังนี้คือ Common Area บริเวณชั้น 2 ประกอบไปด้วย พื้นที่นั่งเล่น , พื้นที่รับประทานอาหารและ Pantry Area ที่สามารถเชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำส่วนตัว ที่มีผนังบังสายตา ทำให้เราว่ายน้ำออกกำลังได้โดยไม่เคอะเขิน นอกจากนี้ชั้น 2 ยังมีห้องครัวแบบปิด สามารถทำอาหารได้จริงจัง
ชั้น 3 : เป็นโซนพักผ่อนของสมาชิกในบ้าน มีทั้ง Master Bedroom ที่ใหญ่พอจะทำโซน Walk-in Closet และยังมีห้องนอนรองอีก 2 ห้อง มีห้องน้ำในตัว สะดวกต่อการใช้งาน เราชอบที่โครงการออกแบบให้ห้องนอนทุกห้องได้วิว Courtyard ด้วย ทำให้รู้สึกสดชื่นยิ่งขึ้นไป
พื้นที่จอดรถในบ้านสามารถจอดรถได้ 4 คัน แบ่งเป็น 2 ช่อง สามารถจอดรถได้ช่องละ 2 คัน แต่ละช่องมีความกว้างประมาณ 5.85 เมตร โดยมีชายคาคลุมประมาณ 6.20 เมตร จึงไม่มีส่วนไหนของรถที่ต้องโดนแดดฝนเลยค่ะ ส่วนพื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ 60×120 ซม. สีเทาของ Dp Deramic ดูเข้ากับผนังภายนอกของบ้าน โครงการลงเสาเข็มบริเวณที่จอดให้เท่าตัวบ้านเลยนะ ไม่ต้องกังวลเรื่องการทรุดตัวของบ้าน
บริเวณที่จอดรถโครงการติดตั้ง EV Charger ขนาด 22 kw. มา 1 เครื่อง ลูกบ้านสามารถใช้งานได้เลย ส่วนที่ทิ้งขยะมีขนาดใหญ่ โดยออกแบบให้ฝั่งหน้าบ้านที่พนักงานเก็บขยะใช้งาน เป็นประตูขนาดใหญ่พอที่คนจะเปิดเข้ามาหยิบถุงขยะได้เลย ส่วนฝั่งในบ้านที่เป็นแม่บ้านใช้งานจะเป็นบานเปิดครึ่งหนึ่ง พอให้ทิ้งขยะได้สะดวก
อย่างที่เราบอกไปตอนต้นว่าบ้านในโครงการนี้ ใช้วัสดุตกแต่งหลากหลาย บริเวณด้านหลังที่จอดรถก็ทำเป็นระแนง ช่วยให้บ้านมีมิติมากขึ้น
ประตูทางเข้าหลัก
ประตูทางเข้าหลักของบ้าน สามารถเข้าได้จากที่จอดรถโดยไม่ต้องโดนแดดฝน พื้นทางเข้าบ้านมีการยกระดับขึ้นเล็กน้อย ช่วยกันฝุ่นและน้ำไหลย้อน ส่วนประตูทำจากไม้สัก แข็งแรงคงทน มีความกว้างประมาณ 0.9 เมตร ขนของเข้า-ออกบ้านได้สะดวก
ประตูติดตั้ง Digital Door Lock ของ Lockin รองรับถึง 7 ระบบ คือ Fingerprint / Pin code / กุญแจ / Keycard / Application แต่ที่ล้ำสมัยกว่าแบรนด์คือ ระบบ Tencent Cloud เทคโนโลยีการจดจำเส้นเลือดบนฝ่ามือ นอกจากนี้ยังมีระบบ Face Scan ยิ่งทำให้เราเข้าบ้านได้สะดวก ไม่ต้องพกกุญแจบ้านติดตัว ก็ยังสามารถเข้าบ้านได้ค่ะ เราชอบรูปทรงของอุปกรณ์มือจับประตูมีความโค้ง ออกแบบมาให้เราจับได้ถนัดมือ ใช้งานได้สะดวก และเรายังสามารถส่องว่าใครมาเยี่ยม ผ่านกล้องบนอุปกรณ์มือจับได้ด้วย
เมื่อเข้ามาในบ้านจะเจอกับโถงของตัวบ้าน มีความสูงฝ้าประมาณ 3.2 เมตร ปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ 60×120 ซม. สีเทาของ Dp Deramic ซึ่งเป็นขนาดใหญ่กว่ามาตรฐานทั่วไป มองแล้วดูสบายตาดีค่ะ นอกจากนี้ยังมีขนาดกว้างพอจะ Built-in ตู้รองเท้าเพราะอยู่ใกล้ประตูทางออก ทำให้เราหยิบและเก็บรองเท้าได้ง่ายๆเวลากลับมาถึงบ้าน หรือออกไปข้างนอก บ้านหลังนี้จะติดตั้ง Magnetic Sensor & Shock Sensor ไว้ที่ประตูหน้าต่างทุกบานของชั้น 1 เสริมความปลอดภัยให้กับคนในบ้าน
โถงชั้น 1 มี Control Pad มาให้ ไว้สำหรับควบคุมและตรวจเช็คความเรียบร้อยภายในบ้าน
บรรยากาศภายในห้อง Man Cave
ฟังก์ชันแรกที่เราจะได้ใช้งานคือ Man Cave หรือห้องอเนกประสงค์ที่มีขนาดประมาณ 4.6×4.95 เมตร เหมาะกับใช้เป็นพื้นที่รับแขก สังสรรค์เล็กๆน้อยๆ เวลาแขกมาเยี่ยมก็จะอยู่แต่ในห้องนี้ ไม่ไปรบกวนความเป็นส่วนตัวเจ้าของบ้านเลย หรือทำเป็นห้องที่ต้องใช้สมาธิ เช่น ห้องทำงานส่วนตัวก็ได้นะ เพราะชั้น 1 มีฟังก์ชันหลักแค่อย่างเดียว ห้องนี้บ้านตัวอย่างจะตกแต่งผนังด้วยกระเบื้อง แต่ในบ้านมาตรฐานจะได้เป็น Wallpaper นะ เราชอบที่มีมุมสำหรับทำ Window Seat ใช้พักผ่อน พร้อมชมวิวหน้าบ้านได้
ห้อง Man Cave สามารถเชื่อมต่อไปยัง Courtyard ได้ โดยประตูที่กั้นระหว่างสวนและห้อง เป็นประตูบานเลื่อน 3 ตอน เปิดได้กว้าง ทำให้เราสามารถขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ๆผ่านทางเข้า-ออกนี้ บานประตูสูงตั้งแต่พื้นจรดฝ้า รับแสงสว่างจากธรรมชาติอย่างทั่วถึง มือจับประตูเป็นแนวยาว จับได้สะดวก และล็อคได้ด้วยการดึงขึ้น-ลง
Courtyard ข้างบ้าน
Courtyard มีขนาดประมาณ 4.5 x 4 เมตร โครงการลงต้น Silver Oak มาให้เรียบร้อย หรือใครชอบต้นไม้ อยากจะจัดสวนเพิ่มเติมก็ได้นะ มุมนี้จึงเหมาะกับการจัดเป็นที่พักผ่อนริมสวน ข้อดีคือ Courtyard จะติดกับส่วนที่เป็นผนังทึบของเพื่อนบ้าน จึงหลีกเลี่ยงสายจากผู้คนได้ เจ้าของบ้านจึงได้รับความเป็นส่วนตัว เวลามาใช้งานพื้นที่ตรงนี้
ต้น Silver Oak จะโตไปเกือบถึงชั้น 3 ทำให้ทุกห้องได้ใกล้ชิดธรรมชาติ และยังช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวระหว่างห้องตรงข้ามกันอีกด้วย
ผนังบริเวณ Courtyard ใช้กระเบื้องดินเผาจากลำปางและผนังสีแบบพ่นทราย ช่วยให้พื้นที่ตรงนี้ดูน่าสนใจและมีมิติมากขึ้น
บริเวณทางเข้าของห้อง Man Cave มีพื้นที่พอจะทำเป็น Pantry Area สำหรับจัดเตรียมอาหารเล็กๆ น้อยๆ ไว้เสิร์ฟแขกที่เยี่ยมเยือนบ้าน
ห้องน้ำชั้นล่าง
ห้องน้ำชั้น 1 อยู่ตรงข้าม Pantry Area เข้าถึงได้สะดวกในเวลากลับมาถึงบ้าน ภายในแบ่งการใช้งานส่วนเปียกและส่วนแห้งชัดเจน ให้ชุดอ่างล้างหน้าพร้อมกระจกเงาบานใหญ่ ที่สามารถเปิดออกมาใช้เป็นตู้เก็บอุปกรณ์อาบน้ำได้ เช่น แปรงสีฟัน , ยาสีฟัน , สบู่และแชมพู โครงการให้สุขภัณฑ์พร้อมอุปกรณ์ต่างๆครบ พื้นที่ส่วนอาบน้ำกว้างประมาณ 1.50 x 1.15 เมตร พร้อมติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำมาให้เรียบร้อย สามารถอาบน้ำได้สะดวก
บริเวณโถงทางเข้ามีประตูรองที่เชื่อมต่อกับลานซักล้างด้านข้างบ้าน
ข้างๆบ้านมีระยะเว้นว่างจากรั้วประมาณ 2 เมตรกว่าๆ โครงการติดตั้งก๊อกน้ำไว้ให้ด้วย เหมาะกับการใช้เป็นลานซักล้าง หรือตากผ้านะ เพราะเป็นโซนที่ได้รับแสงแดดและมีลมพัดผ่าน แล้วยังตรงกับโซนทิ้งขยะที่ปิดทึบพอดี ทำให้ไม่มีใครมองเห็นจากภายนอก
ด้านหลังบ้านที่เชื่อมต่อกับลานซักล้างเป็นโซนของแม่บ้าน ประกอบไปด้วย ห้องนอนแม่บ้านพร้อมห้องน้ำ , ห้องเก็บของ , ห้อง Laundry และห้องงานระบบ เวลาไม่ได้ทำงานแม่บ้านจะอยู่โซนนี้เป็นหลัก ข้อดีคือห้องเก็บของมีขนาดใหญ่ประมาณ 3.2 x 1.3 เมตร ใช้เก็บของใหญ่ๆ เช่น จักรยาน , กระเป๋าเดินทาง ส่วนห้องระบบมีทางเข้า-ออกอยู่ด้านข้างบ้าน เวลาช่างจะมาซ่อมบำรุง ก็ไม่ต้องเข้าไปในตัวบ้าน ไม่รบกวนเจ้าของบ้านเลยค่ะ
ห้องนอนแม่บ้านพร้อมห้องน้ำ
ห้องแม่บ้านสามารถรองรับได้ 1 คน พร้อมมีห้องอาบน้ำอยู่ด้านข้าง ใช้งานได้สะดวก ส่วนห้อง Laundry ก็มีขนาดใหญ่พอจะวางเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้า พร้อมมีที่เหลือให้ทำตู้เก็บเสื้อผ้าได้ด้วยนะ เรียกว่าแม่บ้านสามารถซัก อบ รีด เก็บเสื้อผ้าได้ในห้องนี้เลย
บันไดขึ้นชั้น 2 เป็นบันไดรูปตัว U มีขนาดกว้างประมาณ 1.2 เมตร คนเดินสวนกันได้สบายๆ โครงสร้างบันไดเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ปิดผิวด้วยไม้ Hybrid Engineered wood พร้อมราวจับตลอดทางใช้งานได้สะดวก
ลิฟต์ของบ้าน
ลิฟต์ภายในบ้านเป็นของ Hitachi รองรับได้ 280 กิโลกรัม ภายในลิฟต์มีความกว้างประมาณ 0.95 x 1.1 เมตร มีแผงปุ่มกดอยู่ในระดับที่คนนั่งวีลเเชร์สามารถกดได้และมองเห็นได้ชัด
ชั้น 2
เมื่อขึ้นมาชั้น 2 เราจะเห็น Common Area ที่เชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำพอดี จึงดูเป็นมุมต้อนรับที่ดีในการเข้าสู่ชั้น 2
ประตูบานทึบของบ้านจะทำเป็นบานสูงเกือบถึงฝ้า ดูโออ่าและแข็งแรงคงทนดี
พื้นที่รับประทานอาหาร
Common Area บริเวณชั้น 2 เป็นพื้นที่พักผ่อนของสมาชิกภายในบ้าน ประกอบไปด้วย พื้นที่นั่งเล่น , พื้นที่รับประทานอาหารและ Pantry Area ซึ่งพื้นที่ทั้งหมดจะเชื่อมต่อออกไปยังสระว่ายน้ำส่วนตัวภายนอกได้ ด้านข้างสระว่ายน้ำมีผนังอีกชั้นหนึ่ง ช่วยบังสายตาจากบ้านฝั่งตรงข้าม ทำให้เราได้ความเป็นส่วนตัวเวลาใช้งาน Common Area
พื้นของชั้น 2 ปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ 60×120 สีครีมของ Dp Deramic ช่วยให้บ้านดูสว่างขึ้น ส่วนฝ้าสูง 3.35 เมตร ทำให้บ้านดูโปร่งและโล่งยิ่งขึ้นอีก
พื้นที่นั่งเล่น
เริ่มจากพื้นที่นั่งเล่นมีขนาดประมาณ 4.6 x 5.4 เมตร สามารถวางโซฟารูปตัว L 4-5 ที่นั่งพร้อมอาร์มแชร์ทั้ง 2 ฝั่งของโซฟา นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ให้เราวางโต๊ะกลางสำหรับวางน้ำและขนมขณะนั่งดูทีวีด้วย แนะนำให้ติดตั้งทีวีขนาด 75 นิ้ว ขึ้นไป เพื่อการรับชมที่คมชัด
ด้านข้างพื้นที่นั่งเล่นสามารถเปิดประตูบานเลื่อน 3 ตอนเพื่อเชื่อมต่อกับโถงชั้น 2 ได้ หรือหากใครที่ใช้วีลแชร์แล้วต้องการเข้าสู่ Common Area ใช้ประตูแบบนี้จะสะดวกกว่าประตูบานสวิง
ประตูบานเลื่อน 4 ตอนเชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำ
ส่วนฝั่งที่ติดกับสระว่ายน้ำก็สามารถเปิดประตูบานเลื่อน เพื่อเชื่อมต่อพื้นที่ภายในกับภายนอกบ้านเข้าด้วยกัน และยังสามารถรับลมหรือระบายอากาศได้ด้วย เหมาะกับการจัดงานเลี้ยงเล็กๆริมสระว่ายน้ำในกลุ่มคนสนิทนะ
พื้นที่นั่งเล่นเชื่อมต่อกับพื้นที่ Semi Outdoor
พื้นที่ Semi Outdoor เชื่อมต่อกับพื้นที่นั่งเล่น มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็พอให้สมาชิกในบ้าน 1-2 คนมานั่งพักผ่อนริมสระได้ โดยโครงการจะให้ต้น Olive มาด้วย ส่วนตัวเรามองว่าเป็นต้นไม้ที่มีรูปทรงเป็นเอกลักษณ์ ช่วยทำให้มุมนี้ดูโดดเด่นขึ้นมาทันที แม้ว่าพื้นที่ตรงนี้ไม่มีชายคาคลุม แต่ก็ได้รับเงาจากตัวบ้านและผนังชั้นนอก จึงมาใช้งานได้หลายช่วงเวลา ตั้งแต่เช้าไปจนถึงสายๆ หรือบ่ายแก่ๆไปจนถึงเย็นเลยค่ะ
สระว่ายน้ำส่วนตัวบนชั้น 2 เป็นระบบเกลือ มีขนาดประมาณ 2.60 x 8.80 เมตร ลึก 1.2 เมตร พอให้เราว่ายน้ำชิลๆได้ โดยมีชายคาคลุมทั้งสระเลยนะ ไม่ว่าจะฝนตก แดดออกก็ยังมาว่ายน้ำออกกำลังกายได้ แต่เราแนะนำให้ปิดประตูบานเลื่อนที่เชื่อมต่อกับ Common Area เสียก่อนนะ เพราะน้ำอาจกระเด็นเข้าตัวบ้านได้ เนื่องจากสระว่ายน้ำอยู่ชิดกับตัวบ้านเลยค่ะ
นอกจากผนังบ้านชั้นนอก จะช่วยบังสายตาเพื่อนบ้าน ทำให้เราว่ายน้ำหรือใช้บริเวณ Common Area ได้อย่างไม่เคอะเขินแล้ว ยังช่วยให้เรื่องกันเสียงและความร้อนจากภายนอกอีกด้วย คนที่อยู่ในบ้านจึงรู้สึกเย็นสบาย
สระว่ายน้ำส่วนตัวในบ้าน
บันไดที่ใช้ขึ้น-ลงสระว่ายน้ำมีเพียงทางเดียวเท่านั้น คือจากฝั่ง Semi Outdoor ส่วนปลายทางอีกฝั่งเปิดโล่ง ทำให้ลมพัดผ่านตามช่องลมนี้เข้ามาได้ เราจึงไม่รู้สึกอบอ้าวเวลาว่ายน้ำหรือพักผ่อนริมสระ
พื้นที่รับประทานอาหาร
พื้นที่รับประทานอาหารอยู่หัวมุมบ้าน มีแสงธรรมชาติเข้าได้ 2 ทาง จึงดูสว่างและโล่งกว่าพื้นที่นั่งเล่นเล็กน้อย แล้วยังสามารถเปิดประตูเชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำได้เช่นกัน ตอนที่ฝนตกแล้วเราอยากแช่น้ำชิลๆ ก็สามารถลงสระจากประตูนี้ได้ โดยไม่โดนฝน พื้นที่ตรงนี้สามารถวางโต๊ะกินข้าว 6-8 ที่นั่ง โดยยังเหลือพื้นที่รอบๆโต๊ะให้คนเดินผ่านไป-มาได้สบายๆ
Pantry Area
Pantry Area จะอยู่ใกล้ประตูทางเข้าห้อง Common Area มีขนาดใหญ่พอจะทำ Built-in เคาน์เตอร์พร้อม Island ตรงกลางสำหรับเตรียมอาหารเล็กๆน้อยๆได้
ติดกับ Pantry Area เป็นห้องครัวแบบปิด โดยมีประตูทึบกั้นสัดส่วนอย่างชัดเจน
ห้องครัวภายในบ้าน
ห้องครัวปิดมีขนาดประมาณ 2.9×3.4 เมตร สามารถทำ Built-in เคาน์เตอร์เป็นรูปตัว L แล้วยังเหลือพื้นที่วางตู้เย็นขนาดใหญ่ด้วย ห้องครัวเป็นแบบปิดทำให้เราสามารถทำอาหารได้เต็มที่ ไม่ต้องกลัวกลิ่นควันจะลอยไปโซนอื่นของบ้าน
อีกฝั่งหนึ่งของห้องครัวมีประตูบานเลื่อนที่สามารถเปิดเพื่อระบายอาอากาศได้ โดยตัวพื้นของระเบียงภายนอกมีการลดระดับลงมากเล็กน้อย เพื่อกันฝุ่นและน้ำไหลย้อน
ระเบียงมีขนาดประมาณ 4.30 x 0.85 เมตร สามารถแขวน Condensing Unit ของแอร์ด้านบน เพื่อให้เราใช้พื้นที่ระเบียงได้เต็มที่ แนะนำให้เลือกติดราวตากผ้าแบบเเขวน เวลาตากผ้าเช็ดโต๊ะ หรืออุปกรณ์ทำความสะอาดต่างๆ
ห้องน้ำชั้น 2
ห้องน้ำของชั้น 2 มีอุปกรณ์มาให้ครบครันเหมือนกับห้องน้ำชั้นล่างเลยค่ะ เพียงแต่ส่วนอาบน้ำมีขนาดเล็กกว่าหน่อย ประมาณ 1.40×1.00 เมตร แต่ก็ยังถือว่าอาบน้ำได้สะดวกนะ เวลาชวนเพื่อนๆมาว่ายน้ำที่บ้าน แขกก็สามารถอาบน้ำล้างตัวได้ที่ห้องน้ำชั้น 2 ไม่ไปรบกวนความเป็นส่วนตัวของสมาชิกในบ้านชั้นบน
ชั้น 3
ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดมายังชั้น 3 เราจะเจอโถงทางเดินที่มีห้องนอน 3 ห้องอยู่เรียงกัน แต่ Master Bedroom เป็นห้องที่ใกล้กับตัวลิฟต์มากที่สุด
Master Bedroom
เรามาเริ่มชมชั้น 3 จาก Master Bedroom กันก่อนเลยนะ ห้องนี้มีขนาดประมาณ 5.7×4.3 เมตร สามารถวางเตียง 6 ฟุตได้ แล้วยังเหลือพื้นที่รอบๆเตียงอีกมาก ใครชอบดูทีวีก่อนนอนแนะนำให้ติดตั้งทีวี 50-60 นิ้ว เพื่อการรับชมที่คมชัด นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ข้างๆเตียง ริมหน้าต่างที่สามารถวางอาร์มแชร์พร้อมโต๊ะกลางได้ 1 ตัว ใช้เป็นมุมอ่านหนังสือ หรือใครชอบทำงานก่อนนอนจะวางโต๊ะทำงานก็ดีนะ เพราะมุมนี้สามารถนั่งทำงานพร้อมชมวิวต้น Olive จาก semi Outdoor ชั้น 2
เมื่อมองลงมาจาก Master Bedroom จะเห็นต้น Olive กับสระว่ายน้ำ ดูสดใสและสดชื่นดีนะ
อีกฝั่งหนึ่งของ Master Bedroom เป็นห้องน้ำกับ Walk-in Closet ใช้งานได้อย่างต่อเนื่องค่ะ
Master Bathroom
ห้องน้ำใน Master Bedroom มีขนาดใหญ่มาก เมื่อเข้ามาจะเจอกับอ่างล้างมือแบบ His&Her สามารถใช้งานได้พร้อมกัน 2 คนพร้อมมีกระจกบานใหญ่ที่เปิดออกมาเป็นตู้เก็บของได้ด้วย
อ่างอาบน้ำแบบ Stand alone ของ Kohler
ความพิเศษของห้องนี้คือโครงการมีอ่างอาบน้ำแบบลอยตัวมาให้ด้วย วางอยู่ติดกับกระจกฝ้าบานใหญ่ ทำให้ห้องน้ำดูสว่างแต่ยังคงความเป็นส่วนตัวเวลาอาบน้ำไว้ได้
พื้นที่อาบน้ำ
ส่วนอาบน้ำและสุขาแยกออกเป็นคนละฝั่ง ดูเป็นสัดส่วนและใช้งานได้สะดวก ส่วนอาบน้ำของห้องนี้มีความกว้างกว่าห้องอื่นๆ ประมาณ 1.15×1.8 เมตร พร้อมติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำไว้ในด้านมีที่ประตูปิด-เปิด ส่วนด้านข้างเป็นผนังทึบติดตั้งกระเบื้อง ทำความสะอาดได้ง่ายดี อุปกรณ์อาบน้ำก็พิเศษกว่าห้องอื่นเช่นกัน เพราะได้ทั้ง Rain Shower และ Hand Shower ที่ปรับระดับน้ำได้หลายระดับ
Walk-in Closet
สำหรับ Walk-in Closet มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ สามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าเป็นตัว U พร้อมทำ Island สำหรับเก็บเครื่องประดับได้ด้วย หรือใครชอบแต่งหน้าทำผมนานๆ จะจัดมุมหนึ่งเป็นโต๊ะเครื่องแป้งก็ได้นะ แต่เราแนะนำว่าควรเป็นมุมใกล้หน้าต่าง เพื่อให้ได้รับแสงธรรมชาติ ช่วยให้เลือกเฉดสีในการแต่งหน้าได้แม่นยำ
ห้องนอนรอง 1
ห้องนอนรอง 1 มีขนาดเล็กสุดในบ้านประมาณ 2.95 x 5.2 เมตร วางเตียง 5-6 ฟุต พร้อมชั้นวางทีวีได้สบายๆ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ข้างๆเตียง จัดเป็นมุมทำงาน อ่านหนังสือได้ด้วยนะ เนื่องจากด้านหนึ่งของห้องเป็นกระจกบานใหญ่ ทำให้ได้รับแสงธรรมชาติอย่างทั่วถึง ใครที่ไม่ชอบตื่นเช้าๆ กลัวว่าแสงจะรบกวนการนอน แนะนำให้ติดตั้งม่านแบบ Black Out ไปเลย
ส่วนหนึ่งของกระจก มีหน้าต่างบานกระทุ้งเล็กๆ ให้เราได้เปิดระบายอากาศในห้องได้ด้วย
ห้องนี้มองลงไปเห็น Courtyard บริเวณชั้น 1 ด้วย
บริเวณหน้าห้องน้ำมีพื้นที่ให้ Built-in ตู้เสื้อผ้าได้ เวลาเราอาบน้ำเสร็จก็สามารถแต่งตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าต่อได้เลย ทำให้การใช้งานต่อเนื่อง
ห้องน้ำในห้องนอนรอง 1
ผังห้องน้ำในห้องนอนรอง 1 จะเหมือนกับห้องน้ำชั้น 2 เลย แยกส่วนเปียก-แห้งอย่างชัดเจน รวมถึงส่วนอาบน้ำก็มีขนาดเท่าๆกัน ภายในให้ชุดสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆมาเหมือนกัน ใช้งานได้สะดวก
เมื่อเข้ามาในห้องนอนรอง 2 เราจะยังไม่เจอเตียงทันทีนะ แต่จะเจอ Walk-in Closet ก่อน เราสามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าเป็นแนวยาวพร้อมโต๊ะเครื่องแป้งได้
ห้องน้ำในห้องนอนรอง 2
ห้องน้ำในห้องนอนรอง 2 แบ่งส่วนเปียก-แห้งได้อยากชัดเจน ใช้งานได้สะดวก มีชุดสุขภัณฑ์มาให้ครบครันเหมือนห้องน้ำชั้นล่างเลย เพียงแต่กระจกซ่อนตู้เก็บของมีขนาดเล็กลงมาหน่อย
ห้องนอนรอง 2
ห้องนอนรอง 2 อยู่ด้านหลังบ้านแต่อยู่ฝั่ง Courtyard จึงได้รับแสงธรรมชาติอย่างทั่วถึง ส่วนพักผ่อนมีขนาดประมาณ 4.05×3.85 เมตร วางเตียง5-6 ฟุตได้สบายๆ เราชอบที่มี Window seat ให้พักผ่อนพร้อมชมวิว Courtyard ไปด้วย
วิว Courtyard ที่มีสระว่ายน้ำเป็น Background ซึ่งเราเห็นได้จากมุม Window Seat ของห้องนอนรอง 2
ชั้นลอย
ชั้นลอยเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ขนาดประมาณ 3.15 x 1.20 เมตร สามารถทำเป็นห้องพระหรือมุมอ่านหนังสือได้ค่ะ
Gracefulness
บ้าน Gracefulness
บ้านแบบนี้จะมีเพียงหนึ่งหลังเท่านั้น มีที่ดินเริ่มต้น 123 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 724 ตร.ม.
ฟังก์ชันภายในตัวบ้านมี 4 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 5 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน / ลิฟต์โดยสารส่วนตัว / สระว่ายน้ำส่วนตัว เหมาะกับการรองรับสมาชิก 4-6 คน
แปลนชั้น 1
ชั้น 1 : หน้าบ้านจอดรถได้ 5 คัน โดยแบ่งเป็นจอดรถปกติ 3 คัน และจอดใน Supercar Garage อีก 2 คัน โดยส่วนนี้จะมีพื้นรองรับแขกที่บ้าน Type แรกไม่มีด้วยนะ ทางเข้า-ออกหลักๆของตัวบ้านมี 2 ทางเช่นกัน คือประตูหลักที่อยู่ด้านหน้าบ้าน และประตูด้านข้างที่เชื่อมต่อไปยังโซน Service ได้ แม่บ้านจะใช้ประตูนี้เป็นหลักนะ
ภายในบ้านแบ่งสัดส่วนและฟังก์ชันเหมือนบ้าน Type แรกเลย คือด้านหน้าบ้านเป็นพื้นที่นั่งเล่น เชื่อมต่อกับ Courtyard ที่โครงการปลูกต้น Silver Oak ไว้ให้เรียบร้อย ดูอบอุ่นสายตาดีค่ะ นอกจากนี้บ้านหลังนี้มีลิฟต์ให้ใช้งานอยู่ตรงกลางบ้าน ขึ้น-ลงบ้านได้สะดวก ส่วนด้านหลังบ้านเป็นโซน Service ประกอบไปด้วยห้องแม่บ้าน , ห้องเก็บของ และห้องงานระบบ ถือว่ามีฟังก์ชันครบครันสำหรับบ้านขนาดใหญ่
ชั้น 2 : เป็นพื้นที่ Common Area ของสมาชิกในบ้าน มีทั้งพื้นที่นั่งเล่น , พื้นที่รับประทานอาหารและ Pantry Area ซึ่งเป็นบริเวณที่สมาชิกในบ้านจะใช้งานเป็นหลัก นอกจากนี้ Common Area ยังเชื่อมต่อไปยังสระว่ายน้ำส่วนตัวได้เช่นกัน แต่ที่พิเศษกว่าบ้าน Type แรกคือ มีพื้นที่ Semi Outdoor ขนาดใหญ่อยู่ปลายสระว่ายน้ำอีกฝั่ง แล้วยังมีห้องอเนกประสงค์ด้านบน Supercar Garage สามารถจัดเป็นห้อง Fitness , ห้องนอนรองหรือห้องทำงานที่ต้องใช้สมาธิได้ เพราะเป็นห้องที่ถูกแยกออกมาจากฟังก์ชันอื่น ส่วนห้องครัวก็อยู่บนชั้น 2 ติดกับ Pantry Area ใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง
ชั้น 3 : เป็นพื้นที่พักผ่อนส่วนตัวของสมาชิกในบ้าน ประกอบไปด้วย 2 ห้องนอนรองที่มีห้องน้ำในตัวครบครันและ Master Bedroom ขนาดใหญ่ คิดเป็นครึ่งหนึ่งของพื้นที่ทั้งหมดบนชั้น 3 ภายในห้องแบ่งส่วนนั่งเล่น , ส่วนพักผ่อนพร้อมระเบียงและส่วน Walk-in Closet ให้อย่างชัดเจน
ราคา
Motif Sukhumvit-Bangna (โมทีฟ สุขุมวิท-บางนา) ราคา ณ วันที่ 12 มิถุนายน 2568
- Grandeur บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 61 – 72 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 508 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 5 ห้องน้ำ / 4 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน / ลิฟต์โดยสารส่วนตัว / สระว่ายน้ำส่วนตัว
– ราคาเริ่มต้น 44 ล้านบาท - Gracefulness บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 123 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 724 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน / 6 ห้องน้ำ / 5 ที่จอดรถ / 1 ห้องแม่บ้าน / ลิฟต์โดยสารส่วนตัว / สระว่ายน้ำส่วนตัว
– ราคาเริ่มต้น 86 ล้านบาท - จอง 500,000 บาท
- ทำสัญญา 5,000,000 บาท
- ค่าส่วนกลาง 180 บาท/ตร.วา/เดือน
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
บทสรุป
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง : โครงการตั้งอยู่ในซอยแบริ่ง 13 สามารถเข้า-ออกจากถนนได้ 4 เส้น คือถนนแบริ่ง 107 , ถนนสุขุมวิท , ถนนศรีนครินทร์และถนนบางนา-ตราด ลูกบ้านจึงสามารถเลือกเส้นทางในการเดินทางได้ จากโครงการเข้าถึงโรงเรียนนานาชาติชื่อดัง อย่าง Bangkok Patana School และ St. Andrews International School ในระยะ1-2 กิโลเมตรเท่านั้นเอง ผู้ปกครองไปรับ-ส่งง่ายมากๆ นอกจากนี้ยังอยู่ไม่ไกลจากแหล่งอุดมความสมบูรณ์ เพราะในระยะ 1-2 กิโลเมตร จะมี Community Mall อย่าง DADFA Community mall , Lasalle’s Avenue ลูกบ้านออกมาหาของกินของใช้ได้ง่าย
ในเรื่องของการเดินทางก็สะดวกไม่แพ้กัน เพราะโครงการใกล้ทั้งด่วนเฉลิมมหานครและทางด่วนบูรพาวิถี ใช้เดินทางไปยังโซนพระราม 4 , พระราม 9 และชลบุรีได้ ที่สำคัญคือทำเลโครงการอยู่ระหว่างรถไฟฟ้า 2 สายด้วยกัน คือรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน สถานีแบริ่งห่างจากโครงการ 1.7 กิโลเมตร ใช้เดินทางไปโซนอ่อนนุช , เอกมัย , อโศกและสำโรงได้ ส่วนรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีศรีแบริ่งอยู่ห่างออกไป 3.5 กิโลเมตร ใช้เดินทางไปศรีนครินทร์ , บางกะปิและลาดพร้าวได้
ความปลอดภัยในโครงการและตัวบ้าน : โครงการนี้ถือว่ามีระดับความปลอดภัยค่อนข้างสูง เข้า-ออกโครงการใช้ระบบสแกนป้ายทะเบียนพร้อมติดตั้งระบบ Sensors Analytics ใช้ตรวจสอบความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติพร้อมแจ้งเตือนแบบ Real time , CCTV บริเวณ Main Gate พร้อมจุดต่างๆในโครงการทั้งหมด 19 จุด ส่วนตัวบ้านมีการติดตั้ง Digital Door Lock ไว้ให้ที่ทางเข้าหลัก ทุกประตู-หน้าต่างในบ้านบริเวณชั้น 1 ติดตั้ง Magnetic Sensor และ Shock Sensor ไว้ให้เรียบร้อย
การออกแบบโครงการ : มีเพียงบ้าน 14 ยูนิต ถือว่าเป็นจำนวนค่อนข้างน้อย ลูกบ้านจึงได้ความเป็นส่วนตัว แล้วยังได้อยู่ในสังคมระดับเดียวกัน โครงการออกแบบให้ Clubhouse อยู่ด้านหน้าและเป็นส่วนหนึ่งของซุ้มประตู กลายเป็นเหมือนมุมต้อนรับภายในโครงการ ช่วยสร้างบรรยากาศที่ดี
การออกแบบพื้นที่ใช้สอย : บ้านในโครงการนี้ มี 2 แบบด้วยกัน ได้พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 508 ตารางเมตร และที่จอดรถเริ่มต้น 4 คัน เมื่อเทียบกับโครงการรอบข้างแล้วโครงการนี้ให้พื้นที่ใช้สอยและที่จอดรถเยอะสุดแล้ว โครงการออกแบบให้ชั้น 1 เป็นพื้นที่ต้อนรับแขก แล้วชั้น 2 เป็น Common Area ของคนในบ้านส่วนชั้น 3 เป็นพื้นที่พักผ่อนของสมาชิกในครอบครัว เหมือนไล่ระดับความเป็นส่วนตัวขึ้น ภายในบ้านมีลิฟต์และสระว่ายน้ำส่วนตัวมาให้ ซึ่งหาได้ยากในโซนนี้นะ
วัสดุ : โครงการให้วัสดุในหลายส่วนมาดี เริ่มจากโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กแบบหล่อในที่พร้อมก่อผนังภายนอกบ้านก่อ 2 ชั้น ช่วยกันเสียงและความร้อนจากภายนอก ที่จอดรถมีการลงเสาเข็มให้เท่าตัวบ้าน ป้องกันการทรุดตัวของบ้าน พื้นชั้น 3 ปูด้วย Engineering wood ทนทานและแข็งแรง ห้องน้ำในสุขภัณฑ์แบรนด์ที่มีชื่อเสียง คงทน เช่น Kohler พร้อมให้เครื่องทำน้ำอุ่นทุกห้องน้ำ ส่วนสระว่ายน้ำเป็นระบบเกลือขนาด 2.60 x 8.80 เมตร ลึก 1.20 เมตร ใช้งานได้จริง แต่ที่น่าประทับใจคือผนังภายนอกตกแต่งด้วยสี Texture , กระเบื้อง L-Thai , แผ่นวีเนียร์หิน Stone surface ซึ่งเป็นวัสดุที่ให้ผิวสัมผัสที่แตกต่างกันออกไป ช่วยเพิ่มมิติให้กับตัวบ้าน
พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ : โครงการปลูกต้นไม้ตลอดแนวตั้งแต่เข้าซุ้มประตูโครงการมา มีสวนส่วนกลางขนาดเล็กมาให้แต่ก็รองรับลูกบ้าน 14 ยูนิตได้
สาธารณูปโภค : มี Facility ส่วนกลางมาให้หลายฟังก์ชัน เหมือนส่วนกลางคอนโดเลยนะ ยกเว้นสระว่ายน้ำเพราะมีในบ้านทุกหลังแล้ว โดย Facility มีทั้ง Exclusive Private Lounge , Fitness , Yoga & Pilates Room , Chef’s Table Dining Room , Private Spa & Massage Room และสวนส่วนกลาง แต่ก็อาจจะต้องแลกมากับค่าส่วนกลางที่มีราคาสูงหน่อย เพราะแชร์กับลูกบ้านจำนวนไม่มากนัก
Judgement
การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 44-86 ล้านบาท, 12 มิถุนายน 2568
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 8.5/10 – เข้า-ออกถนนได้ 4 เส้น ใกล้รถไฟฟ้า 2 สาย ในระยะ 1-3 กิโลเมตร
- ความปลอดภัย 8/10 – สแกนป้ายทะเบียน , Sensors Analytics และCCTV ทั้งโครงการ , ตัวบ้านมี Magnetic Sensor และ Shock Sensor ที่ชั้น 1
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 9.25/10 – แบบบ้านสวย เน้นใช้ผนังTexture ต่างจากบ้านจัดสรรทั่วไป พื้นที่ใช้สอยเยอะ สระว่ายน้ำอยู่ติด Living Area บนชั้น 2
- วัสดุ 8/10 – ให้วัสดุมาดี ตอบโจทย์การใช้งาน เน้นใช้วัสดุแบรนด์มีชื่อเสียง
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7/10 – ปลูกต้นไม้ตลอดแนวโครงการ สวนขนาดไม่ใหญ่มากแต่ก็เพียงพอสำหรับลูกบ้าน
- สาธารณูปโภค 8.5/10 – มี Facility ส่วนกลางมาให้หลายฟังก์ชัน เหมือนส่วนกลางคอนโดเลย ยกเว้นสระว่ายน้ำเพราะมีในบ้านทุกหลัง
- 8.34 / 10.00
Motif Sukhumvit-Bangna (โมทีฟ สุขุมวิท-บางนา) เหมาะกับใคร
โครงการ Motif Sukhumvit-Bangna (โมทีฟ สุขุมวิท-บางนา) เหมาะกับครอบครัวที่กำลังมองหาบ้านเดี่ยวสไตล์โมเดิร์นพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว ใกล้โรงเรียนนานาชาติ Bangkok Patana School ชอบโครงการที่มีตัวเลือกในการเดินทางหลากหลาย เข้า-ออกได้หลายเส้นทาง ทั้งถนนแบริ่ง 107 , ถนนสุขุมวิท , ถนนศรีนครินทร์และถนนบางนา-ตราด ใกล้รถไฟฟ้าทั้งสายสีเขียวและสายสีเหลือง ประมาณ 1-3 กิโลเมตร ชอบโครงการมีที่มี Facility หลากหลายเหมือนคอนโด มีพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านเยอะ พื้นที่สวนน้อยหน่อย ไม่เป็นไร เหมาะกับครอบครัวพ่อแม่ลูก 4-6 คน มีงบประมาณของบ้านเริ่มต้นที่ 44 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนที่ 308,000 บาท
ตัวอย่างโครงการโดยรอบบนทำเลเดียวกัน
Think of Living รวบรวมมาให้แล้ว!
โครงการเปิดใหม่ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮมและคอนโดมิเนียม ในทำเลทั่วกรุงเทพและปริมณฑล ในทุกๆเดือนย้อนหลัง ใครที่กำลังมองหาบ้านห้ามพลาด อาจจะมีโครงการในราคาและทำเลที่เพื่อนๆ ตามหาอยู่ก็เป็นได้นะ
เข้ามาชมบทความรายเดือนได้เลย คลิกที่นี่